ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ตั้งเป้ารายได้พุ่งกว่า 3 พันล้าน
ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ตั้งเป้ารายได้พุ่งกว่า 3 พันล้าน
สำหรับคนที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์โดยใช้ เงินกู้ แล้วละก็ ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งสำหรับปี 2561 ตั้งเป้ารายได้ มากกว่า 3 พันล้านบาท มุ่งก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 สินเชื่อมอเตอร์ไซค์
โดยยอดปล่อยสินเชื่อคงค้างนั้น ทางบริษัทตั้งเป้าการเติบโต 26% จากปีก่อน โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์จะเติบโตราว 17% เป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ราว 7.7 พันล้านบาท และสินเชื่อส่วนบุคคลคาดว่าจะเติบโต 102% เป็น 1.7-1.8 พันล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ราว 700-800 ล้านบาท
“สำหรับปี 2561 นี้นั้น ซัมมิท แคปปิตอล มีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เพื่อการก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ตามกลยุทธ์ Becoming Number 1 ภายในสิ้นปีงบประมาณ 61 โดยตั้งเป้ารายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 20% จากปี 60” นายวิชิตกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับโครงสร้างผู้บริหารเพื่อให้มีความคล่องตัว บริหารงานได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการแต่งตั้ง นายพีรพงศ์ กี้ประสพสุข เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและช่องทางการขาย เพื่อลงสนามคุมทีมงานกรุงเทพและภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ พร้อมแต่งตั้ง นายชานนท์ คงมีสุข เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารหนี้ ดูแลการติดตาม และควบคุมระดับหนี้ทั่วประเทศ
ทางบริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนพนักงาน 10% ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีพนักงานให้บริการมากกว่า 500 คนใน 33 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้บริการได้ครอบคลุม และรองรับการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงจัดการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าพนักงานทั้ง 100% ต้องได้รับการฝึกอบรมตรงตามสายงานที่ทำ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้แล้ว บริษัทยังมีการเตรียมความพร้อมด้านระบบสนับสนุนการดำเนินงาน โดยมีเม็ดเงินมูลค่ากว่า 60 ล้านบาทในปี 60 เพื่อพัฒนาระบบปฏิติการงานสินเชื่อ Summit Smart System เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า และทำให้การดำเนินงานภายในมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถอนุมัติสินเชื่อภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที
อีกทั้งพัฒนาระบบปฏิบัติการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อใช้ในการสื่อสารกับพนักงานทั่วประเทศ และใช้ตรวจสอบการทำงานของทีมงานขาย พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสินเชื่อ โดยมีระบบสำรองในการปฏิบัติการสินเชื่อของบริษัทเต็มรูปแบบ เพื่อรับมือเหตุการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งระบบนี้รองรับการทำงานได้ 24 ชั่วโมง
นายวิชิต ยังกล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตราส่วนหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ให้ลดลงเหลือต่ำกว่า 1% ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ทัยสมัยทำให้สามารถคัดกรองลูกค้าเพื่อปล่อยสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1740 total views, 1 today