TISCO คาดสินเชื่อปี 59 อาจทรงตัว หลังตลาดรถหดตัวในครึ่งปีแรก
TISCO คาดสินเชื่อปี 59 อาจทรงตัว หลังตลาดรถหดตัวในครึ่งปีแรก
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ได้เปิดเผยว่า สินเชื่อรวมของธนาคารทิสโก้ในปีนี้ จะไม่เติบโต หรือขยายตัวเป็นตัวเลข 0% ซึ่งยังถือว่าฟื้นขึ้นมาจากปีก่อนที่ติดลบ 9% โดยแนวโน้มของสินเชื่อรวมของธนาคารมิสโก้ในครึ่งปีแรกจะยังไม่มีการขยายตัว เนื่องจากถูกกดดันจากตลาดรถยนต์ที่ยังมีการชะลอตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังรถยนต์คันแรกซึ่งยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาการใช้งาน 5 ปีในปีนี้ โดยจะไปครบกำหนดในปี 60 ทำให้ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของระบบในปีนี้ยังมีน้อยมาก และส่งผลกระทบมาถึงธนาคาร ซึ่งมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มากที่สุดในกลุ่มสินเชื่อรายยิ่ยที่มีสัดส่วน 70% ของสินเชื่อรวม
อย่างไรก็ตามยังมีสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยมีรถยนต์ค้ำประกัน ที่ยังมีตัวเลขการเติบโตที่ค่อนข้างดี โดยทางธนาคารทิสโก้ตั้งเป้าเติบโตของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยมีรถยนต์ค้ำประกัน ในปี 59 ไว้ที่ 10% ซึ่งในสิ้นปี 58 ประเภทนี้นั้นมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้แล้วสินเชื่อเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโตหรือเติบโตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ยังไม่มีการเติบโตขึ้นมานัก โดยธนาคารประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้จะอยู่ที่ 3% ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐยังมีไม่มาก ทำให้การลงทุนภาคเอกชนจะยังคงชะลอตัวอยู่ โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางในปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% และ 10% ตามลำดับ ส่วนสินเชื่อคงค้างรวมของธนาคารในสิ้นปี 59 อยู่ที่ 2.38 แสนล้านบาท
นายชาตรียังกล่าวเสริมอีกว่า “สินเชื่อรวมของธนาคารปีนี้คงจะไม่ขยายตัว แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวจากปีก่อนที่ติดลบ 9% โดยหลักๆแล้วเป็นผลมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังชะลอตัวอยู่มาก เพราะรถจากโครงการรถคันแรกยังไม่จบปีนี้ และสินเชื่อขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีก็อาจจะไม่เติบโตหรือเติบโตเล็กน้อยเช่นกัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้การลงทุนต่างๆ ก็ไม่ค่อยมีมากนัก ซึ่งโดยรวมแล้วในครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมของธนาคารจะไม่โตขึ้น แค่ทรงตัว แต่ครึ่งปีหลังอาจจะโตได้เล็กน้อย หากโครงการรัฐออกมามากขึ้น ก็มีโอกาสที่เอกชนจะเริ่มทยอยลงทุนบ้าง”
ด้านแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในปีนี้ ทางธนาคารตั้งเป้าลดลงให้อยุ่ไม่เกินระดับ 3% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3.2% โดยการควบคุมคุณภาพหนี้ ซึ่งจะมีการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากมากขึ้น โดยจะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เริ่มปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3%
ทั้งนี้การพยายามลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และการควบคุมคุณภาพหนี้ จะส่งผลให้ทางธนาคารสามารถลดการตั้งสำรองซึ่งในปีนี้ธนาคารจะลดการตั้งสำรองลดลงจากปีก่อน 20% โดยในปีก่อนธนาคารตั้งสำรองไปทั้งปีกว่า 5 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารในสิ้นปี 59 คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.25 พันล้านบาท
1854 total views, 1 today