SINGER ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 25%
SINGER ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 25%
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้สำหรับปี 2561 ด้วยการเติบโต 25% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำราว 2.5 พันล้านบาท โดยจะเน้นการขายสินค้าประเภทที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจมากขึ้น จะมีการเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เช่น ตู้แช่ เครื่องทำน้ำแข็ง ตู้เติมน้ำมันหยอดหรียญ และตู้เติมเงินรูปแบบใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในต้นปี 2561 นี้
ซึ่งการที่บริษัทหันมาเน้นสินค้าเพื่อการประกอบธุรกิจมากขึ้นนั้น เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายภายในบ้านหดตัวลง โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ เพราะในปีนี้ฤดูฝนมาเร็วกกว่าปกติ ขณะที่ทีวีและเครื่องซักผ้าก็ไม่มีการเติบโต ส่วนตู้เย็นที่ใช้ภายในบ้านโตเพียง 1% เท่านั้น
สำหรับกลยุทธ์การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในปี 61 ทางบริษัทจะยังคงเน้นการขายสินค้าประเภทตู้เย็นเป็นหลัก พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทีวีประเภทใหม่ๆ ที่มีความละเอียดสูงในระดับ 4K โดยคาดว่ายอดขายทีวีจะเติบโตโดดเด่นในปีหน้า เนื่องจากเป็นปีที่มีงานกีฬาระดับโลก ซึ่งก็คือบอลโลก 2018 ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายทีวีเพิ่มมากขึ้น
นอกจากการเพิ่มสินค้าใหม่แล้ว ทางบริษัทจะยังเพิ่มหน่วยขายในปีหน้าเป็น 800 หน่วย จากสิ้นปีนี้ที่จะมีทีมขายอยู่ที่ 650 หน่วย เพื่อกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น ประกอบกับจะมีการขายสินค้าที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กที่พกพาสะดวกและมีราคาไม่สูงมากเข้าไปเสริม ทั้งนี้เพื่อให้มีการขายที่สะดวกมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 200 สาขาในปี 2561 จากสิ้นปีนี้มีสาขาอยู่ที่ 180 สาขา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนการซื้อสินค้าของลูกค้าที่ซื้อสินค้าที่บริษัทจำหน่าย แบ่งเป็น 90% เป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วยเงินสินเชื่อและผ่อนชำระแบบมีดอกเบี้ยกับบริษัทอยู่ที่สัดส่วน 10% เป็นลูกค้าที่ซื้อเงินสด
สำหรับภาพรวมของธุรกิจภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด ที่ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “รถทำเงิน” ในปี 2561 นั้นคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากปีนี้คาดว่าจะทำได้ 450 สัญญา จากเป้าหมาย 700 สัญญา
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีหน้า โดยคาดหวังที่จะมีจำนวนสัญญาเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 700 สัญญา
ด้านนายกิตติพงศ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในปี 2561 คาดว่าเห็นการฟื้นกลับมามีกำไรที่ชัดเจน จากแนวโน้มของการควบคุมคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 2561 ลดลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 7% จากสิ้นปี 2560 คาดว่าอยู่ที่ไม่เกิน 10% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 14% ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มการตั้งสำรองฯของบริษัทลดลง ทำให้แรงกดดันกำไรจะลดลง
สำหรับผลประกอบการในปี 2560 ยังต้องลุ้นว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้หรือไม่ แม้ว่าแรงกดดันจากการตั้งสำรองฯจะเริ่มลดลงแล้ว ดดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 10 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมที่จะเปิดประมูลขายหนี้ออกไปมูลค่ามูลค่าหลักสิบล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งจะช่วยให้ NPL และการตั้งสำรองฯ ลดลง และบริษัทจะมีรายได้พิเศษเข้ามาสนับสนุน แต่ยังไม่สามารถให้ความมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าจะมีกำไรในปีนี้หรือไม่
942 total views, 2 today