ผ่อนบ้านช้า เริ่มผ่อนไม่ไหว จะทำอย่างไรดี
ผ่อนบ้านช้า เริ่มผ่อนไม่ไหว จะทำอย่างไรดี
ก่อนหน้านี้เคยเขียนบทความกรณีผ่อนบ้านไม่ไหวจะปล่อยให้ธนาคารยึดดีหรือไม่มาแล้ว ซึ่งในกรณีนั้นจะแนะนำว่าอย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเสียบ้านดังกล่าวไปแล้ว ยังอาจจะเสียทรัพย์สินอย่างอื่นเพิ่มอีกด้วย
ดังนั้นคำถามที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือ หากเริ่มผ่อนไม่ไหว ผ่อนบ้านช้าไปเดือนสองเดือนแล้ว จะทำอย่างไร หรือกำลังเริ่มมีความลำบากในการหาเงินมาผ่อนบ้าน ความกังวลว่าจะสูญเสียบ้านก็เริ่มประดังประเดเข้ามา หลายๆคนอาจจะเริ่มปลงๆ แล้วพยายามจะลืมปัญหานี้ด้วยการทำลืมๆมันไป
ข้อแนะนำคืออย่าปล่อยให้มันบานปลาย เดี๋ยวมันจะแก้ไขยาก ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่คุณจะสามารถทำอะไรได้บ้าง และไปขอความช่วยเหลือได้จากที่ไหน
ขั้นแรก ติดต่อเจ้าหนี้
เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นธนาคารหรือสถาบันการเงิน การที่คุณไม่ชำระหนี้จะทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL เพิ่มขึ้นซึ่งทางธนาคารก็ต้องทำตามกฏของธนาคารแห่งประเทศไทย คือต้องไปเพิ่มทุนสำรองกรณีการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น และที่สำคัญสุดๆ เจ้าหนี้อยากได้เงินผ่อนไม่อยากไปยึดบ้านคุณเพราะเสียเวลาในการดำเนินคดี เสียค่าใช้จ่ายต่างๆมากมาก
ดังนั้นธนาคารเจ้าหนี้มักจะยินดีรับฟังปัญหาและพยายามหาทางออกให้กับท่าน พวกเขาจะต้องพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะตกลงเงื่อนใขใหม่ๆกับคุณให้ได้ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้ หรือระยะเวลาในการชำระหนี้ใหม่ การไปหาเจ้าหนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ คุณไม่จำเป็นต้องพกเงินก้อนไปก่อนแล้วเขาถึงจะยอมคุยกับคุณ ดังนั้นหากคุยแล้วยังตกลงอะไรกันไม่ได้ คุณก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
การไปคุยกับเจ้าหนี้นั้น หากคุณชำระหนี้ล่าช้ากว่าที่กำหนด เจ้าหนี้จะแจกแจงรายการต่างๆให้คุณดู เช่น
– รายการผ่อนชำระแต่ละเดือนที่คุณยังไม่ได้ชำระ หรือชำระล่าช้า
– บอกคุณว่ายอดเงินคงค้างทั้งหมดเท่าไหร่
– บอกคุณว่าจะมีค่าธรรมเนียมค่าปรับต่างๆเท่าไหร่อันเกิดจากการชำระล่าช้า
– บอกคุณถึงยอดหนี้คงค้างทั้งหมด
– ให้เวลาที่เหมาะสมกับคุณในการเคลียร์หนี้ที่ยังคงค้างจ่าย
– บอกคุณให้ทราบว่าค่าปรับค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ หากคุณยังไม่ชำระ
ที่สำคัญ การเข้าไปคุยนั้น จะยังไม่ใช่การบอกให้เจ้าหนี้รู้ แล้วเจ้าหนี้จะฉวยโอกาสในการบังคับจำนองทันที เพราะเจ้าหนี้ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าคุณขาดการติดต่อเป็นระยะเวลาหนึ่งไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้รับการชำระหนี้ถึงจะเริ่มกระบวนการบังคับจำนอง เจ้าหนี้จะต้องส่งจดหมายเตือนมายังท่าน รวมทั้งมีการนัดไกล่เกลี่ยก่อนที่จะมีการฟ้องศาลเพื่อบังคับจำนอง
คุณอาจจะได้รับข้อเสนออะไรบ้าง
ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมรอบตัวคุณ เจ้าหนี้อาจจะให้คำแนะนำในการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ทั้งหมดออกไป เช่นคุณยื่นกู้ไว้ 20 ปี อาจจะมีการแก้ไขสัญญาให้เป็น 25 หรือ 30 ปี เพื่อให้เงินผ่อนต่องวดลดลงเป็นต้น
คุณอาจจะประหลาดใจไปเลยว่า ความจริงแล้วปัญหาของคุณนั้นแก้ไขได้ง่ายมาก เพราะเมื่อธนาคารหรือเจ้าหนี้พิจารณาสถานะทางการเงินของคุณแล้ว อาจจะแนะนำทางออกหลายๆทางให้คุณเลือก ไม่ว่าการชำระเฉพาะดอกเบี้ยอย่างเดียว หรือการลดการชำระเงินต้นลงซักช่วงระยะเวลาหนึ่งเช่น 1 ปี เป็นต้น
ดังนั้นอย่ามัวรีรอแล้วเครียดอยู่คนเดียว ให้รีบติดต่อเจ้าหนี้ของท่านโดยเร็วที่สุด
ตรวจสอบดูว่าท่านได้ซื้อประกันอะไรไว้บ้างหรือไม่
สำหรับท่านที่ทำงานเงินเดือนเยอะๆ อาจจะเคยมีการอยากลดภาระทางด้านภาษีมีการซื้อประกันชดเชยรายได้กรณีตกงานเอาไว้ หรือท่านที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานานจนต้องออกจากงาน อาจจะมีค่าสินไหมชดเชยรายได้จากบริษัทประกัน หรือจากประกันของคู่กรณีที่อาจจะต้องมีการเรียกร้องสินไหมก็เป็นได้
กรณีเหล่านี้ท่านอาจจะเคยซื้อประกันไว้ตอนที่คุณยื่นกู้เงิน ให้ลองสอบถามผู้ให้กู้ และลองสอบถามจากประกันของคู่กรณีว่าคุณจะได้ค่าชดเชยเท่าไหร่หากคุณเรียกร้องเพราะอุบัติเหตเป็นต้น
เริ่มลดค่าใช้จ่ายเดี๋ยวนี้
ลองตัดใจใช้เวลาซักครู่ในการนั่งวิเคราะห์นิสัยการใช้จ่ายของคุณ มันจะช่วยให้คุณได้รู้ว่าคุณจะประหยัดเงินตรงไหนได้บ้าง การที่คุณจะประหยัดเงินได้ คุณต้องรู้ว่าคุณจ่ายค่าอะไรบ้างในแต่ละเดือน เทียบกับรายรับที่เข้ามา แล้วพยายามแบ่งประเภทรายจ่ายว่า อันไหนจำเป็น อันไหนไม่จำเป็นออกมา
– ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง
การตั้งงบในเรื่องต่างๆนั้นจำเป็นมาก หากคุณพยายามควบคุมรายจ่ายให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ต่อไปนี้คือหนทางในการที่จะลดค่าใช้จ่ายหลง
– ดูรายการค่าใช้จ่ายในบัตรเครดิต หรือเงินหักบัญชี รายการอย่างค่าสมาชิกเคเบิ้ลทีวี หรือสมาชิกนิตยสาร โปรโมชั่นโทรศัพท์แบบแพงๆ แต่ใช้ไม่เคยครบ ควรจะคิดว่ามันยังจำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นคุณยังจะดำเนินชีวิตได้แบบปกติหรือไม่ หากไม่ก็ยกเลิกมันซะ
– ดูรายการใช้จ่ายในแต่ละวัน ลดการกินกาแฟหรือเครื่องดื่มแพงๆ หลังเลิกงานซะ เรียงลำดับความสำคัญใหม่ เลือกอันที่ไม่จำเป็นน้อยสุดแล้วเลิกมันซะ
-ลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นลง
สิ่งของจำเป็นอย่างค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็สามารถลดลงได้เช่นกัน นั่นคือเลิกทานอาหารหรูๆ นอกบ้าน อาจจะเริ่มจากการลดความถึ่ลงไปก่อน แล้วค่อยๆ เริ่มทำอาหารทานเองที่บ้าน เปลี่ยนเมนูอาหารที่เคยใช้ส่วนประกอบแพงๆให้มีราคาถูกลงแต่ยังคงคุณค่าทางอาหารอยู่เช่นเดิม
ค้นหาข้อมูลคำแนะนำทางด้านการเงินต่างๆ
อาจจะลองค้นข้อมูลจาก google เพื่อหาคำแนะนำต่างๆ รวมถึงการเข้ากลุ่ม ชมรม เว็บบอร์ดที่ให้คำปรึกษาทางด้านการเงินต่างๆ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้คุณได้นำมาพิจารณา อีกอย่างก็คือคุณจะได้กำลังใจในการจัดการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกด้วย
หากคุณเป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด จนรายจ่ายเกินกว่าเงินเดือนแล้วละก็ ยังมีชมรมคนเป็นหนี้ ซึ่งจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหา การรับมือกับเจ้าหนี้ การขอแฮร์คัท อะไรต่างๆให้ศึกษามากมาย อย่าลืมลองค้นหากันดู
ประกาศขายบ้านถือเป็นวิธีสุดท้าย
ถ้าคุณรู้ว่าสถานการณ์ของคุณนั้นไม่อาจจะดีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ การประกาศขายบ้านอาจจะเป็นแนวทางที่ดี แล้วค่อยย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่ หรือหาที่อยู่ที่ราคาถูกกว่าเดิม
หากคิดจะไปแนวทางนี้ อย่าลืมแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบ บางครั้งทางเจ้าหนี้อาจจะมีเว็บไซท์ในการประชาสัมพันธ์ หรือมีการให้สินเชื่อในอัตราพิเศษกับผู้ที่จะมาซื้อบ้านต่อจากคุณ ถ้าคุณแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบถึงประมาณการต่างๆ เจ้าหนี้อาจจะให้เวลาที่เหมาะสมในการที่คุณจะขายบ้าน รวมทั้งอาจจะให้ส่วนลดของดอกเบี้ยคงค้างบางส่วนอีกด้วย
บางครั้งคุณอาจจะลองหานายทุนมารับซื้อบ้านคุณแล้วคุณก็ขออาศัยอยู่ในฐานะผู้เช่าก็ได้ เพราะบางทีนายทุนอาจจะกำลังมองหาสินทรัพย์ที่จะลงทุนแต่เกรงว่าซื้อแล้วจะต้องปล่อยบ้านทิ้งร้าง ไม่มีคนดูแล แนวทางนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ จากประสบการณ์จะเห็นลูกหนี้ที่ผ่อนไม่ไหวหลายราย ขายบ้านไปแล้ว ก็อาศัยการเช่าหลังเดิมในราคาที่ถูกลงมาก
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง หากคุณพยายามจะหาเงินมาผ่อนบ้านให้ทัน อย่าลืมว่าลองหาข้อมูลให้รอบด้านหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะทำสิ่งใดต่อไปนี้
– ไม่ควรไปกู้หนี้ยืมสินเพิ่มเติมเพื่อมาจ่ายค่าบ้าน เนื่องจากเงินกู้อันใหม่นั้นดอกเบี้ยจะแพงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านแน่ๆ คุณจะเสี่ยงเสียบ้านเร็วมากขึ้น เพราะนอกจากจะไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ใหม่แล้ว คุณอาจจะต้องหลบหนีเจ้าหนี้ จนหมดโอกาสได้มาดำเนินการแก้ไขปัญหาตามที่ควรจะเป็น
– อย่าทิ้งบ้านไปเฉยๆ การทิ้งบ้านไปเฉยๆ ไม่ใช่ว่าคุณจะหมดภาระหนี้สินกับบ้านนี้ในทันที ช่วงเวลาก่อนที่จะมีการขายบ้านได้ คุณยังต้องรับผิดชอบผ่อนบ้านหลังนี้อยู่ทุกเดือน ควรตั้งราคาบ้านให้ต่ำที่สุดเพื่อให้ขายได้เร็วๆ เพราะการหวังกำไรจากราคาบ้าน พอเวลาเนิ่นนานออกไป กำไรที่คุณได้มามันอาจจะไม่พอจ่ายดอกเบี้ยที่คุณต้องเสียเพิ่มจากการขายบ้านได้ช้าด้วยซ้ำ
– อย่าเพิ่งประกาศขายก่อนที่จะหาที่อยู่ใหม่ได้ เพราะบางทีประกาศขายปั้บ มีคนซื้อทันที แล้วเขาจะให้คุณย้ายออกทันที คุณจะทำใจลำบาก ดังนั้นให้พยายามเล็งหาที่อยู่ใหม่ก่อนที่จะประกาศขายบ้าน
คำแนะนำต่างๆ เหล่านี้หวังว่าคงช่วยให้คุณหลุดพ้นปัญหาผ่อนบ้านไม่ไหวกันนะครับ
7407 total views, 1 today