ทิสโก้ คุมเข้มสินเชื่อรถยนต์ ผวาดีมานด์เทียม
ทิสโก้ คุมเข้มสินเชื่อรถยนต์ ผวาดีมานด์เทียม
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้นั้นกลุ่มทิสโก้ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 4% หดตัวจากปี 61 ซึ่งเติบโต 4.3% โดยปีนี้ยังคงเน้นปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ที่มีแรงหนุน ขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน
สำหรับปีนี้ทางทิสโก้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 30-40% ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังเป็นหนึ่งในสินเชื่อหลักของธนาคารทิสโก้ ซึ่งตั้งเป้าอัตราเติบโตไว้ที่ 4-5%
ส่วนในด้านของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้นั้น ทางธนาคารคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน เพราะการแข่งขันของตลาดที่มีอยู่สูง และผลกระทบที่มาจากมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องของการวางมัดจำของการซื้อบ้านหลังที่สอง
ด้านการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ซื้อรถยนต์ในปีนี้นั้น การอนุมัติสินเชื่ออาจต้องมีการดูลงไปในรายละเอียดลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น เนื่องจากยอดขายรถยนต์ใหม่ต่อปีที่เหมาะสมกับประเทศไทยควรอยู่ที่ 800,000-900,000 คัน แต่หลายฝ่ายประเมินตรงกันว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ยังมียอดขายสูงกว่า 1 ล้านคัน หรือใกล้เคียงกับปีก่อนที่มียอดขายเกิน 1 ล้านคัน
ซึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการเกิดความต้องการซื้อเทียม หรือลูกค้ากู้เงินไปแล้วไม่มีความสามารถผ่อนชำระที่แท้จริง โดยอาจนำรถยนต์ไปใช้ได้แค่ 6 เดือน หรือ 1 ปี แล้วผ่อนชำระค่างวดไม่ไหวแล้วต้องนำรถยนต์มาคืน เพื่อป้องกันดีมานด์เทียม ทางธนาคารสามารถทำได้ด้วยการพิจารณาสินเชื่อ ต้องดูจากความสามารถชำระหนี้ที่แท้จริง หรือเรียกเงินดาวน์จากลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นต้น
ส่วนสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์นั้น ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากกลุ่มขนาดเล็กและกลางที่กู้เงินไปแล้วไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดจนเป็นหนี้เอ็นพีแอล มีสัดส่วนประมาณ 7% ของสินเชื่อ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้การผ่อนค่างวดจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายแล้วก็ผ่อนชำระได้หมด
“สถานการณ์ NPL สินเชื่อรถยนต์ในตอนนี้ ผมยังมองว่าพอไปไหว เราไม่ได้ต้องการค้าความกับลูกค้า เราอยากช่วยลูกค้าให้ผ่อนจนจบ แทนที่จะผ่อนจบภายใน 60 เดือนก็อาจจะเป็น 62 เดือน หรือ 64 เดือน โดยการยืดเวลาไปอีกหน่อย
ขณะลูกค้ากลุ่มที่มีศักยภาพในการกู้เงินซื้อรถยนต์ เป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือนที่ 25,000 บาทขึ้นไป ค่างวดผ่อนชำระต่อเดือนอยู่ที่ 8,000-10,000 บาท และหากรวมค่าเติมน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุงแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 40% ของรายได้ และหากกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาท ต้องมีคนค้ำประกัน เพราะการผ่อนค่างวดจะกระเบียดกระเสียรเกินไป” นายศักดิ์ชัย กล่าวสรุป
1654 total views, 1 today