เป็นลูกหนี้สถาบันการเงิน การหนีหนี้ไม่ใช่ทางออกของปัญหา
เป็นลูกหนี้สถาบันการเงิน การหนีหนี้ไม่ใช่ทางออกของปัญหา
การเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบนั้นทุกคนต่างก็พอมองออกว่าจะต้องโดนกับอะไรบ้าง นอกจากดอกเบี้ยที่แสนโหดแล้ว หากมีการผิดนัดชำระหนี้ยังต้องโดนทวงแบบโหดๆอีกด้วย ซึ่งเราก็คงพบเห็นกันในข่าวอยู่บ่อยๆ
หลายคนพอเริ่มทำงานมีเงินเดือนประจำ บางคนยังทำงานไม่ถึง 6 เดือนก็เริ่มสมัครบัตรผ่อนสินค้าบัตรกดเงินสดกันแล้ว ด้วยเพราะสังคมแห่งการบริโภคสร้างค่านิยมในการยกตัวเองว่าดีกว่าคนอื่นๆด้วยการพยายามหาทรัพย์สินราคาแพงมาประดับตัวเอง ทำให้บางคนต้องตกอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ กดเงินจากบัตรใบโน้นมาจ่ายบัตรใบนี้ ด้วยเพราะอาจมองว่ายังไงๆ ก็เป็นหนี้ในระบบคงไม่มีภัยคุกคามมาถึงตัวอยู่แล้ว
เพราะด้วยชื่อของหนี้ ว่าเป็นหนี้ในระบบทำให้หลายคนสมัครบัตรสินเชื่อต่างๆมากมายหลายบัตร พอเริ่มจ่ายไม่ไหวก็เริ่มมีโทรศัพท์ทวงหนี้เข้ามายังที่ทำงาน เริ่มไม่เป็นอันทำงานกัน จากประสบการณ์ของแอดมินเองที่เคยทำงานร่วมกับคนเหล่านี้พบว่า คนเหล่านี้รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยหน้าที่การงานไม่ได้มีหน้าตา เงินเดือนน้อย เลยพยายามกระเสือกกระสนในการหาทรัพย์สินมาประดับตัวเองในระดับที่ทำให้คนอื่นๆฮือฮา
ตัวอย่างง่ายๆเลย คนขับรถในที่ทำงานเก่า เงินเดือนน้อยนิด แต่ซื้อรถกระบะคันหรูหรามาก โดดเด่นกว่าวิศวกรหลายคนที่ขับแค่รถคันเล็กๆ โดยเจ้าต้วต้องการสร้างจุดสนใจ ให้คนมองว่ารวยมาจากที่อื่นเช่นมรดกหรือธุรกิจที่บ้าน การมาทำงานก็เพื่อจะได้แก้เหงาและมีเพื่อนฝูงไว้คุยเล่นเท่านั้น
แต่เบื้องหลังคือการเป็นสมาชิกแทบทุกบัตรเงินสดที่มีในท้องตลาด เป็นสมาชิกสหกรณ์ที่กู้แล้วเมื่อครบกำหนดกู้ใหม่ได้ก็จะกู้กลับมาเต็มจำนวนอีก ธนาคารไหนเปิดโครงการสวัสดิการให้กับพนักงานก็ตามไปกู้แทบทุกกรณี สลิปเงินเดือนเหลือเงินจากการหักชำระเงินกู้ต่างๆเพียงน้อยนิด
พนักงานหลายคนก็ยังพอจะหมุนเงินให้ตัวเองอยู่รอดได้ แต่บางคนก็พาตัวเองไม่รอดก็จะหนีหายไม่มาทำงานอีกเลยเพราะทนแรงกดดันจากเจ้าหนี้ที่มาดักหน้าตึกไม่ไหว
เพราะถึงขนาดที่ว่ากระบวนการต่างๆเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งสามารถไล่เรียงออกมาเป็นขั้นตอนได้ดังนี้คือ
– มีหนี้จากสถาบันการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หรือสินเชื่อเงินสด
– ใช้จ่ายเงินตามใจอยากแต่ไม่สามารถผ่อนได้ตามกำหนด
– สถาบันการเงินต่างเริ่มมีจดหมายทวงถาม มีโทรศัพท์เข้ามาที่ฝ่ายบุคคล ถามหาเจ้าตัวจนไม่กล้ารับโทรศัพท์
– หากยังไม่ชำระหนี้หรือไม่ติดต่อเจ้าหนี้ ก็จะเป็นเรื่องกระบวนการทางศาล มีหมายศาลมาที่บ้านให้ไปแสดงตนเนื่องจากเจ้าหนี้ฟ้องร้อง
– บางคนก็ไม่ไปศาลเลย หรือไปศาลก็นัดไกล่เกลี่ย ถึงหน้าบัลลังค์ก็มีการตกลงว่าต้องจ่ายตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้
– หากผิดนัดชำระหนี้อีก ก็จะเป็นขั้นตอนของการบังคับคดี เพื่อสืบทรัพย์นำออกมาขายทดตลาด
– หากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ก็ยังมีเงินเดือนอยู่ กรมบังคับคดีก็จะส่งหนังสือมายังต้นสังกัดเพื่อแจ้งให้หักเงินเดือนนำส่งตามข้อกฏหมาย
– บริษัทต้นสังกัดต้องหักเงินเดือนตามคำสั่งศาล ไม่งั้นถือเป็นความผิดทางอาญา
จดหมายจากกรมบังคับคดีจะถูกส่งตรงไปยังหัวหน้าใหญ่สุดของหน่วยงานเลย และจะถูกส่งต่อมาที่ฝ่ายบุคคลและการเงิน ยังไงเสียก็ต้องโดนหักเงินเดือนแน่ๆ แม้จะมีภาระมากมาย การจะไปให้ฝ่ายบุคคลลดเงินเดือนผ่านบัญชีลงแล้วรับเป็นเงินสดนั้นทำไม่ได้แน่นอน เพราะฝ่ายตรวจสอบจะมาตามเจอและเป็นความผิดกันทั้งหมด
ถึงจุดนั้นแล้วก็ต้องก้มหน้าใช้หนี้ต่อไป การหนีไปเฉยๆ ไม่ได้ช่วยอะไรมาก นอกจากจะโดนไล่ออกเพราะละทิ้งหน้าที่แล้ว วันใดที่เราทำงานมีรายได้ก็จะมีการหักเงินเดือนอยู่ดี
ดังนั้นการเจรจาหาทางออกตั้งแต่ต้นกับเจ้าหนี้จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับลูกหนี้ หากเจ้าหนี้ทราบสถานะของลูกหนี้ มีการติดต่อสื่อสารกันและพูดคุยหาทางออกย่อมจะเป็นหนทางที่ดีกว่าการหลบหนีไปเฉยๆแล้วพกความเครียดความระแวงไปตลอดชีวิต
2574 total views, 1 today