เงินด่วน 2018 นายทุนปรับกลยุทธ์สู้เงินด่วน 2561
เงินด่วน 2018 นายทุนปรับกลยุทธ์สู้เงินด่วน 2561
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซา เงินทองฝืดเคือง ทำให้ประชาชนสนใหญ่ต้องพึ่งพาเงินกู้เพื่อดำรงชีวิตคาดหวังว่าเมื่อผ่านช่วงนี้ไปได้แล้วสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น
เราจึงเห็นได้ว่าปัจจุบันบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ จากเดิมที่เคยในบริการเงินกู้แก่ธุรกิจ SME ต่างๆ กลับมาพุ่งเป้ายังลูกค้ารายบุคคลมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เราจะพบเห็นป้ายเงินด่วน เงินกู้ ต่างๆมากขึ้น จากบริษัที่ดำเนินกิจการถูกต้องตามกฏหมาย
จะว่าไปแล้วผลพวงส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ รัฐบาลพยายามผลักดันแหล่งเงินกู้นอกระบบให้เข้าสู่ระบบมากขึ้น นั่นคือพยายามให้นายทุนเงินกู้หันมาลงทะเบียนทำกิจการปล่อยเงินกู้ให้ถูกกฏหมาย จากเดิมที่ต้องดำเนินการหลบๆซ่อนๆ เนื่องจากจะคิดดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า 15% ต่อปี หรือ 1.25 % ต่อเดือนไม่ได้ เพราะคิดดอกเบี้ยกันที่ร้อยละ 5 – 20% ต่อเดือนกันแทบทั้งนั้น
เมื่อรัฐบาลออกกฏหมายในลักษณะของ พิโคไฟแนนซ์ หรือ นาโนไฟแนนซ์ออกมา จึงถือเป็นทางออกให้กับบรรดานายทุนเงินกู้ที่จะสามารถปล่อยเงินด่วนด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน (ร้อยละ 36% ต่อปี) ให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อนำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่างๆได้
ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการนาโนไฟแนนซ์ ที่มุ่งปล่อยกู้เพื่อให้นำเงินกู้ที่ได้ไปประกอบกิจการนั้นไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ต่างก็กลัวหนี้เสีย เลยจะคัดเลือกเฉพาะลูกค้าเก่าของตัวเอง ที่ใช้สินเชื่อตัวอื่น แล้วนำเสนอสินเชื่อแบบนาโนไฟแนนซ์ แต่คิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แล้วนำส่งข้อมูลให้กับภาครัฐว่าทำยอดปล่อยกู้ไปแล้วเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งในความเป็นจริงถึอว่าประชาชนไม่ได้ประโยขน์อะไร
แต่เมื่อโครงการพิโคไฟแนนซ์เข้ามา ก็ถือเป็นอีกความหวังหนึ่งของประชาชน ในการกู้ยืมเงินด่วน เพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ไม่แพงนัก แต่ปัญหาก็ยังเป็นเรื่องเดิมๆ
นั้นคือ เงินด่วนสำหรับปี 2018 ก็จะยังคงอยู่ในวังวนเดิม นั่นคือบริษัทไฟแนนซ์ จะคัดเลือกลูกค้าเก่าของตัวเอง มาปล่อยกู้แบบพิโคไฟแนนซ์ แล้วเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ยังคิดอัตราดอกเบี้ยสูงชนเพดาน 3% แถมยังอาจมีค่าธรรมเนียมยิบย่อยตามมา
ดังนั้นธุรกิจปล่อยกู้ เงินด่วน 2561 นั้นเราจะยังคงเห็นบริษัทเงินด่วนเปิดตัวมากขึ้น เพื่อระดมปล่อยเงินกู้ แต่อาศัยลูกค้ามีหลักประกันอย่าง ทะเบียนรถยนต์หรือโฉนดที่ดิน ซึ่งทำกันในระบบเพียงเล็กน้อย แต่นอกระบบก็แอบแฝงอยู่ด้วย ซึ่งจะอาศัยข้ออ้างว่า โครงการต่างๆของรัฐนั้น วงเงินจะจำกัด แต่หากต้องการวงเงินสูงกว่าเดิม ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นนั่นเอง
เงินด่วน 2018 ก็เลยน่าจะเข้าอิหรอบเดิม คือคนที่ต้องการกู้เงินด่วน แต่ไม่มีหลักประกันก็คงต้องรอต่อไป ส่วนคนที่ก็ได้ ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงๆกันต่อไป
9165 total views, 1 today