เงินกู้นอกระบบ ภัยร้ายของสังคมไทย
เงินกู้นอกระบบ ภัยร้ายของสังคมไทย
หลายคนอาจจะคุ้นตากับข้อความ “เงินกู้ไม่เช็คแบลกลิส” “เงินกู้ด่วนไม่ต้องมีคนค้ำ” “เงินด่วน อนุมัติไว ไม่เรื่องมาก” หรืออีกหลายข้อความที่เชิญชวนให้เราติดต่อไปเพื่อกู้เงิน โดยข้อความเหล่านี้ในอดีตเรามักพบเห็นตามเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ หรือริมรั้วข้างทาง จนปัจจุบันหากเราค้นหาคำว่า เงินด่วน เงินกู้ ผ่าน google ก็จะมีประกาศให้เลือกมากมาย บางรายถึงกับทำโฆษณาผ่านเฟสบุค ไปจนถึงไลน์กลุ่ม จุดประสงค์ของคนเหล่านี้ก็เพื่อดึงดูดเราด้วยคำที่น่าสนใจอย่าง เงินกู้ เงินด่วน นั่นเอง
หลายคนก็มองประกาศเหล่านี้แบบผ่านๆ เห็นแล้วก็รู้สึกเฉยๆ นึกแค่ว่ามันเป็นโฆษณาทั่วไป แต่ในบางครั้งของชีวิตที่จำเป็นต้องใช้เงินแบบกระทันหันขึ้นมา ข้อความเหล่านั้นก็จะผุดขึ้นมาเป็นลำดับแรก แทนที่จะเป็นตัวเลือกท้ายๆที่เราควรจะมองหา สำหรับคนที่เครดิตทางการเงินไม่ดี หรือไม่ได้ทำงานประจำเลยไม่มีรายได้ที่แน่นอน การหวังพึ่งเงินกู้ในระบบก็คงจะไกลเกินเอื้อม
เงินกู้นอกระบบคืออะไร
ความจริงด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเงินกู้ที่อยู่นอกระบบธนาคารหรือสถาบันการเงิน หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือเงินกู้ที่เป็นการให้บริการแบบผิดกฏหมายหรือไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้
แต่อีกความหมายหนึ่งที่แฝงอยู่ก็คือ การถูกคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่กฏหมายกำหนดมากๆ อย่างเช่นอาจจะมีการคิดดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 5 – 20 ต่อเดือน ทั้งๆที่กฏหมายกำหนดให้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี แต่กรณีนี้หากคิดแล้วก็ตก 60 – 240% ต่อปีกันเลยทีเดียว
แม้ว่าปัจจุบันรัฐจะมีโครงการเงินกู้ในลักษณะที่สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้สูง เช่นสินเชื่อส่วนบุคคลสามารถคิดได้สูงถึง 28% ต่อปี สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และพิโคไฟแนนซ์ จะคิดอัตราดอกเบี้ยได้สูงถึง 36% ต่อปี หรือราวๆ 3% ต่อเดือนก็ตาม แต่เงินกู้ในลักษณะนี้ผู้ปล่อยกู้จะต้องจดทะเบียนและยื่นขออนุญาตจากกระทรวงการคลัง ซึ่งทำให้มีความยุ่งยากและเอกสารหลักฐานต่างๆมากมาย
เงินกู้นอกระบบ เลยยังโผล่เป็นดอกเห็ดเนื่องจาก ไม่ต้องมีหลักประกันใดๆ ไม่ต้องทำสัญญาเงินกู้ ไม่ต้องมีการตรวจสอบรายได้ใดๆเหมือนสถาบันการเงิน ปล่อยเงินกู้ได้ง่าย เลยทำให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อของเงินกู้เหล่านี้เป็นจำนวนมาก
ผลที่ตามมาก็คือ การที่ต้องจ่ายเงินคืนในอัตราดอกเบี้ยที่สูง จ่ายไปมากแล้วก็ดูเหมือนเงินต้นแทบไม่มีวันหมด เพราะวันที่ไม่จ่ายจะถูกคิดดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอก หากไม่มีจ่ายก็จะเจอระบบทวงหนี้ที่โหดร้าย อาจจะมีการข่มขู่หรือขั้นทำลายเข้าของหรือทำร้ายร่างกาย ก่อให้เกิดความเครียดและต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ บางรายถึงกับต้องหนีไปอยู่ที่อื่นก็มี
ใครบ้างที่จะตกเป็นเหยื่อของเงินกู้นอกระบบ
ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ ทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อของเงินกู้นอกระบบเมื่อหมดหนทางหาเงินมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน บุคคลกลุ่มนี้ได้แก่
– ผู้ที่ไม่มีเครดิตทางการเงิน เช่นประกอบอาชีพที่ไม่มีรายได้แน่นอน เช่นพ่อค้าแม่ค้า อาชีพรับจ้าง อาชีพที่รับค่าแรงรายวันหรือเป็นเงินสด
– ผู้ยากไร้ คนต่างถิ่น ไม่มีญาตหรือเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ
– ผู้ที่มีประวัติหนี้เสีย เช่นเคยกู้เงินในระบบมาก่อนแต่เกิดภาวะหนี้เสีย
– ผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงินใดๆกับสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก หรือการเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน
– ผู้ที่ต้องการเงินเร่งด่วน แม้จะใช้บริการเงินกู้ในระบบได้ แต่ต้องรอการอนุมัตินานไม่ทันใจกับความต้องการตรงหน้า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมเงินนอกระบบ
– โดนคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูง แม้ในตอนแรกจะนำเสนอข้อมูลที่ดูเหมือนจะเจออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่เอาเข้าจริงๆกลับบอกไม่หมด บางทีบอกว่าดอกเบี้ยคิดเป็นอัตราต่อเดือน แต่จริงๆกลับคิดดอกแบบต่อวันแล้วมาทบกับเงินต้นทุกวันแล้วเรียกเก็บเดือนละครั้ง ผลก็คือจ่ายเงินไปเท่าไหร่ก็เหมือนจะจ่ายแค่ดอกเบี้ย
– โดนคิดดอกเบี้ยแบบอัตราคงที่ เช่นบอกว่าดอกร้อยละ 5 ต่อเดือน ผ่านไปหลายเดือนเงินต้นเหลือน้อยลง ก็ยังมีการคิดที่ 5% ของเงินต้นที่รับมาเดือนแรก เช่นกู้เงินมา 10,000 บาท ดอกร้อยละ 5 เท่ากับเดือนละ 500 บาท ผ่อนต้นมาจนเหลือ 2000 บาท ก็ยังโดนคิดดอกเบี้ยเดือนละ 500 บาทเช่นเดิม แทนที่จะเป็นแบบลดต้นลดดอก
– ได้รับเงินไม่ตรงกับสัญญาเงินกู้ แม้ในบางรายให้เราทำสัญญาเงินกู้เอาไว้ แต่ในสัญญาจะระบุยอดเงินที่สูงกว่ายอดเงินที่ได้รับจริง เช่นกู้มา 20,000 บาท อาจจะเขียนไว้ในสัญญา 50,000 บาท โดยเจ้าหนี้แจ้งว่าเอาไว้เผื่อต้องฟ้องร้องจะได้คุ้มค่าทนาย พอผ่อนไปจริงๆ แม้ชำระทั้งต้นทั้งดอกครบตามที่ตกลงไว้แล้ว ก็ยังมาเก็บเงินอีกโดยบอกว่าเงินต้นยังไม่หมดพร้อมกับตัวเลขแปลกๆโผล่มา แล้วบอกว่าถ้าไม่จ่ายจะฟ้องตามสัญญา สุดท้ายก็ต้องจำใจจ่าย
– โดนทวงหนี้ด้วยวิธีการประจาน โหดร้าย ข่มขู่ ตามที่เราพบเห็นทั่วไปที่เจ้าหนี้จะส่งลูกสมุนมาทวงหนี้รายวัน หรือรายเดือนก็แล้วแต่ พอทวงไม่ได้ ก็จะพูดจาข่มขู่ ทำลายข้าวของ หรือบางครั้งก็เข้ามาทำร้ายร่างกายลูกหนี้
– ทำสัญญาอำพราง ลักษณะของเงินกู้ประเภทนี้ จะอาศํยการทำสัญญาอำพรางด้วยการให้ลูกหนี้ซื้อสินค้าหรือใช้บัตรรูดสินค้าที่นายทุนต้องการ แล้วนำสินค้านั้นๆไปขายให้นายทุนในราคาที่ถูก แม้ลูกค้าจะได้เงินกู้มาจริงแต่จะต้องผ่อนสินค้าในมวลค่ารวมที่สูงกว่าเงินกู้ที่ได้รับไปมาก ลักษณะเงินกู้ประเภทนี้จะพบเห็นได้จากประกาศตามตู้โทรศัพท์ หรือเสาไฟฟ้า หรือในอินเตอร์เน็ตกันมาก
ทางออกของปัญหาความจำเป็นทางการเงิน
จริงๆแล้ว หากเรารู้จักอดออม ไม่ใช้จ่ายเกินตัว รู้จักเก็บเงินไว้ยามฉุกเฉิน เราก็คงไม่ต้องเข้าสู่วังวนของเงินกู้นอกระบบแน่นอน แต่หากถึงคราวต้องใช้เงินด่วนแล้วละก็ สิ่งที่เราควรจะทำแทนที่จะไปมองหาเงินกู้นอกระบบก็คือ
– ติดต่อญาติสนิท บอกเล่าถึงความจำเป็น และหนทางที่ชดใช้เงินคืนว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ งวดละเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วหากเอ่ยปากยืมเงินอย่างเดียวก็ไม่มีใครจะให้ยืมง่ายๆ เราควรจะบอกเล่าให้ชัดเจนว่าเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนเมื่อไหร่อย่างไร
– ติดต่อเพื่อนฝูง เช่นเดียวกับกรณีด้านบน หากไม่มีญาติสนิทหรือติดต่อแล้วไม่ได้ ลำดับต่อไปก็ควรติดต่อไปยังเพื่อนฝูง บอกเล่าความจำเป็นรวมถึงวิธีการในการชำระหนี้คืน และควรยืมให้พอเหมาะกับความจำเป็นตรงหน้าเท่านั้น ไม่ควรยืมไปเผื่อเรื่องอื่นๆด้วย และควรจะจ่ายคืนให้ตรงเวลาตามที่ได้รับปากไว้ ไม่งั้นในอนาคตก็จะไม่มีเพื่อนรายไหนให้ยืมอีก
– นำทรัพย์สินมีค่าออกขายหรือจำนำ การหาเงินด่วนวิธีหนึ่งก็คือต้องยอมตัดใจในทรัพย์สินที่ตัวเองมีอยู่ คิดเสียว่าค่อยหาเอาใหม่ในวันข้างหน้า อย่ามัวแต่คิดว่าเป็นของรักของหวง อย่างไอโฟน ไอแพด มอไซค์ กล้องถ่ายรูป สร้อยทอง แหวนทอง เป็นต้น บางครั้งอาจจะไม่ถึงขั้นต้องขายขาด แค่นำไปจำนำเสียดอกเบี้ย หรือบอกขายญาติหรือขายฝากกับญาติ ก็เป็นได้ จำนำกับญาตอาจจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ควรรักษาคำพูดของเราเองว่าหากเลยกำหนดให้เขายึดไปแล้วไม่ต้องไปพูดให้เขาเสียหาย ไม่งั้นในอนาคตก็ไม่มีญาตคนไหนจะช่วยเราอีก
– หากไม่มีทรัพย์สินมีค่า ให้จำนำจำนอง ไม่มีญาติมิตรให้หยิบยืม ก็อาจจะต้องแจ้งกับเจ้าหนี้ที่เกี่ยวของถึงความจำเป็น เช่นหากต้องการเงินด่วนเพื่อไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล ก็อาจจะแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าขอเข้าเป็นผู้ป่วยสงเคราะห์หรือขอพบผู้อำนวยการเพื่อหาทางออกเช่นการผ่อนจ่ายหรือหาบุคคลมาค้ำประกันเป็นต้น
หากเป็นการจ่ายค่าเทอม ก็ให้ติดต่อไปยังโรงเรียนเพื่อชี้แจงความจำเป็น จะพบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีแนวทางให้ผ่อนค่าเทอมได้ อาจจะเป็นรายเดือนหรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ
กรณีจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ ก็ให้ชี้แจงกับผู้ที่เกี่ยวของถึงความจำเป็น โดยอาจจะต้องหาผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันอื่นใดมาดำเนินการให้เจ้าหนี้พอใจ ก็จะช่วยลดความจำเป็นในการต้องกู้เงินนอกระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาเพื่อการนั้นๆ
ปัญหาต้องกู้หนี้นอกระบบแก้ได้ไม่ยาก
ปัญหาของคนที่มีความจำเป็นทางการเงิน จริงๆแล้วอยู่ที่ระเบียบวินัย การเป็นอยู่อย่างพอเพียง เก็บหอมรอบริบไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น หลายคนต้องตกอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ จากเดิมที่เคยเป็นหนี้ในระบบ หมุนเวียนจ่ายไม่ทันก็ต้องมาพึ่งเงินกู้นอกระบบ จนต้องหนีออกจากสังคม หนีจากงาน ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆตลอดชีวิต
หลายคนพลาดพลั้งจากการกู้เงินมาทำธุรกิจ แต่ไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ ทำไปแบบเห็นคนอื่นเขาทำเลยคิดจะทำบ้าง สุดท้ายก็ต้องกู้เงินนอกระบบมาใช้จนกลายเป็นเหยื่อนายทุนไปในที่สุด
ดังนั้นนอกจากเราต้องใฝ่รู้ ศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนทำกิจการอะไรก็ตาม เราควรจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำบ้านเอาไว้ เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปของเงิน หม้่นพัฒนาฝีมือตนเองเพื่อให้ได้งานที่มีรายได้เพิ่มขึ้น และรู้จักอดออมไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามกระแส ก็จะทำให้เราหลีกหนีจากวงจรของเงินกู้นอกระบบไปได้
4486 total views, 1 today
