นาโนไฟแนนซ์เหมาะกับใคร
นาโนไฟแนนซ์เหมาะกับใคร
กระแสนาโนไฟแนนซ์มาแรงในกลุ่มสินเชื่อสำหรับรากหญ้า เนื่องจากมีการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นเงินกู้ที่ไม่ต้องมีทรัพย์สินหรือบุคคลมาค้ำประกัน ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะใช้ในการกู้เงินจากระบบธนาคารปกติ ให้ความสนใจกับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการกันเป็นจำนวนมาก
จากเดิมประชาชนกลุ่มนี้อาจจะทั้งมีหนี้สินทั้งในระบบหรือนอกระบบอยู่แล้ว และคาดว่าจะหันมากู้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เพื่อแบ่งเบาภาระตามนโยบายรัฐบาลที่ออกมาเพื่อวัตถุสงค์นี้เป็นหลัก แต่ประเด็นคือสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์นั้นเปิดมาให้บริการเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้กับผู้กระกอบการในระดับล่างสุดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่ต้องมีหลักประกันเป็นทรัพย์สินหรือบุคคล แต่เป็นตัวธุรกิจเองที่จะเป็นหลักประกันให้กับเจ้าหนี้ว่าจะได้รับการชำระหนี้
คำถามที่เกิดขึ้นเลยกลายเป็นว่า สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์นั้นเหมาะกับใคร และเราสมควรกู้เงินนาโนไฟแนนซ์หรือไม่ หรือไปยื่นกู้แล้วทำไมเขาไม่อนุมัติสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ให้เรา
ลักษณะเด่นของนาโนไฟแนนซ์
– สินเชื่อเพื่อรายย่อยที่กู้ได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์หรือบุคคลต้ำประกัน
– อัตราดอกเบี้ย รวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่เกิน 36% ต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละ 3%
– กำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทจะต้องส่งรายงานการปล่อยสินเชื่อต่างๆ ทุกเดือน
สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เหมาะกับใคร
สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เหมาะกับผู้กู้ที่ต้องการหาทุนเพื่อประกอบอาชีพสร้างรายได้ โดยหลักฐานทางการเงินแต่เดิมมีไม่เพียงพอที่จะกู้เงินในระบบธนาคารทั่วไปได้ เช่นการไม่มีสลิปเงินเดือนหรือไม่มีการเดินบัญชีธนาคารมาก่อน
ทำไมอัตราดอกเบี้ยถึงสูงกว่าระบบธนาคารทั่วไป
การที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดกรอบเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 36% ต่อปีนี้ เนื่องจากต้องการสร้างความยืดหยุ่นให้กับผู้ประกอบการในการปล่อยเงินกู้ เนื่องจากสินเชื่อเหล่านี้เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ผู้ขอกู้ไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารรายได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจึงสูงตามความเสียงตามไปด้วย
หากเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยของสินเชื่อบุคคลซึ่งต้องมีการแสดงรายได้อย่างชัดเจนเช่น สลิปเงินเดือนเป็นต้น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลนั้นสูงสุดอยู่ที่ 28% ต่อปี ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าดอกเบี้ยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ก็ยังไม่สูงมากนัก นั่นคือสูงสุดอยู่ที่ 3% ต่อเดือนนั่นเอง
ควรนำเงินกู้นาโนไปทำอะไรบ้าง
ก่อนตัดสินใจกู้เงินนาโนไฟแนนซ์ ท่านควรจะศึกษาความเป็นไปได้ของอาชีพที่ท่านอยากจะทำว่า จะทำกำไรได้หรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แต่ละวันจะทำยอดขายได้ประมาณไหน ศึกษาทำเล คู่แข่ง แนวโน้มธุรกิจให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจ
ประเด็นสำคัญที่จะต้องคิดคือท่านสมควรกู้เงินมาลงทุนหรือไม่ หรือควรจะลองตลาดดูก่อนด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย หากมีแนวโน้มที่ดีถึงจะค่อยคิดขยายกิจการแล้วกู้เงินมาลงทุน
ควรวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ทำบัญชีรายรับรายจ่าย อย่านำเงินกู้ดอกเบี้ยแพงไปใช้จ่ายผิดประเภทอันจะทำให้ไม่เกิดรายได้กลับมา เพราะท่านจะต้องจ่ายดอกเบี้ยที่แพงกว่าปกติ และที่สำคัญที่สุดท่านควรจะชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนด
สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ท่านมีสิทธิ์อะไรบ้าง
เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่ได้รับการกำกับจากธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง จึงมีกฏระเบียบที่ทางผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาต และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มงวด ท่านจึงมีสิทธิ์ดังนี้
– ได้รับตารางแสดงภาระหนี้รายงวด โดยแยกเป็นเงินต้น และดอกเบี้ย และเงินต้นคงค้าง
– ได้รับหลักฐานการขำระหนี้ทุกครั้งเมื่อชำระหนี้แล้ว
– ได้รับใบแจ้งหนี้เดือนละครั้ง ก่อนวันครบกำหนดชำระ
– ได้รับหนังสือแจ้งเตือนการผิดนัดชำระหนี้ล่วงหน้า 20 วันก่อนจะถูกบังคับชำระหนี้ตามกฏหมาย
– การติดตามทวงหนี้ต้องดำเนินการด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่นไม่ทวงก่อน 8 โมงเช้าหรือหลัง 2 ทุ่ม
– หากมีข้อร้องเรียน จะได้รับการแจ้งความคืบหน้าภายใน 7 วัน ในส่วนผู้ให้กู้ต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ดังนั้นก่อนคิดจะกู้นาโนไฟแนนซ์ ท่านควรจะเตรียมแผนการประกอบธุรกิจให้เรียบร้อย เพราะเงินกู้นาโนไฟแนนซ์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการนำไปใช้หนี้นอกระบบ แต่เป็นการกู้เงินมาประกอบอาชีพแทนที่จะไปกู้เงินนอกระบบมาประกอบอาชีพหรือขยายกิจการนั่นเอง
2612 total views, 1 today