ธนาคารแบกหนี้เน่าจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยและบัตรเครดิต
ธนาคารแบกหนี้เน่าจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยและบัตรเครดิต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ปีนี้ ธนาคารเจอศึกหนักทุกด้าน ดำเนินธุรกิจลำบาก เนื่องจากเต็มไปด้วยปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศร หนี้เน่าเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจาก สินเชื่อรายย่อย และบัตรเครดิต ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเพิ่ม สร้างความกดดันต่อผลประกอบการ
นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ของระบบธนาคารพาณิชย์จะเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากไตรมาสแรกของปีนี้ โดยจะเพิ่มจาก 2.6% ไปอยู่ที่ 3% ตอนสิ้นปี ทั้งนี้ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลจากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต อีกทั้งหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในช่วงสิ้นปีนี้หนี้ ครัวเรือนอยู่ที่ 83-84% จากไตรมาสแรกของปีที่อยู่ที่ 81-81.5%
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2559 ของกลุ่มธนาคารนั้น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าน่าจะลดลงจาก ไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจาก NPL ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้เกิดการตั้งสำรองที่เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์จะมีการตั้งสำรองที่สูงในช่วงที่ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีก็ตาม
ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังอยู่สูงกว่าเกณฑ์ของทางการ ประกอบกับก่อนหน้านี้ธนาคารมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงซึ่งย่อมส่งผลต่อรายได้ของธนาคาร
“ปีนี้ผลประกอบการโดยรวมของ ธนาคารทั้งระบบจะลดลงจากปีที่แล้ว เพราะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทั้งจากในและต่างประเทศ และยังเจอผลกระทบจากกรณีประเทศอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปเข้ามาอีก ทำให้การทำธุรกิจของธนาคารปีนี้อยู่ในภาวะยากลำบากเช่นเดิม” นางสาวธัญญลักษณ์ กล่าวสรุป
ข่าวจาก หนังสือพิมพ์แนวหน้า
1670 total views, 2 today