ดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดอย่างไร ค้างจ่ายแค่ไม่กีบาทแต่โดนดอกเบี้ยหลักพัน
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดอย่างไร ค้างจ่ายแค่ไม่กีบาทแต่โดนดอกเบี้ยหลักพัน
จั่วหัวข้ออย่างนี้เพราะคิดว่าหลายคนคงเคยมีคำถามค้างคาใจกันนะครับ หลายคนเจอมากับตัวเอง บิลเรียกเก็บเงินบัตรเครดิตส่งมา 30,000 บาท จ่ายเงินไปมากกว่าอัตรขั้นต่ำก็มากโข เช่นอาจจะจ่ายไปแล้ว 25,000 บาท ยังค้างจ่ายอีก 5,000 บาท พอรอบบิลถัดมาโผล่ก็แทบจะเป็นลม เพราะโดนดอกเบี้ยไปพันกว่าบาท ทั้งๆ ที่ค้างเงินแค่ห้าพัน เลยอาจจะสงสัยว่าแล้วเขาคิดดอกเบี้ยกันอย่างไร
คำว่าบัตรเครดิต ก็คือทางธนาคารจะให้เครดิตกับเรา ให้เราไปรูดบัตรซื้อสิ้นค้าก่อน แล้วค่อยจ่ายตามทีหลัง ซึ่งระบบบัตรเครดิตจะมีระบบปลอดดอกเบี้ยหากจ่ายครบตามยอดเรียกเก็บ แต่หากจ่ายไม่ครบก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยอัตราสูงถึง 20% ต่อปีด้วยกัน ซึ่งจะการคิดอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน
ก่อนอื่นเรามาดูในประเด็นข้อดีของดอกเบี้ยกันก่อนนะครับในประเด็นการปลอดดอกเบี้ย จะได้เอาไว้เทียบว่าหากเราค้างเงินแม้แต่บาทเดียวเมื่อไหร่ เราจะโดนดอกเบี้ยกันจนอาจสะดุ้งไปตามๆ กันอย่างไร
เริ่มจากตัวอย่างง่ายๆ ก่อนนะครับ สมมุตว่ารอบบิลของท่านคือวันที่ 5 ของทุกเดือน นั่นหมายถึงว่าเมื่อถึงวันที่ 5 ผู้ออกบัตรจะตัดรอบบิล และส่งจดหมายมาเรียกเก็บเงินให้เราไปชำระ ซึ่งจะกำหนดไว้อีก 10 ถีง 20 วันแล้วแต่ผู้ออกบัตร ในที่นี้สมมุตว่าเป็นเวลา 15 วันแล้วกัน
บิลตัดวันที่ 5 แสดงว่าท่านมีเวลาจ่ายจนถึงวันที่ 20 ของเดือนนั้นๆ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ และหากท่านจ่ายเต็มจำนวนรอบบิลถัดไปก็จะไม่โดนดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียว ถามว่าแล้วดอกเบี้ยเกิดจากอะไรยังไงเรามาดูกันต่อในสถานการณ์ต่อไปนี้นะครับ
นั่นคือท่านรู้ดีว่าบิลตัดวันที่ 5 ต่อมาวันที่ 6 ท่านไปรูดบัตรซื้อของซัก 50,000 บาท นั่นแสดงว่าท่านได้ของมาแล้ว กระบวนการชำระเงินเกิดขึ้นแล้วท่านเป็นหนี้เจ้าของบัตรนับตั้งแต่วันที่ 6 นั้นแล้ว แต่กว่าท่านจะได้รับบิลเรียกเก็บก็คือวันที่ 5 เดือนถัดไป
แสดงว่าท่านได้เครดิตแล้วอย่างน้อยก็เดือนนึงหรือราวๆ 30 วัน จากนั้นหากท่านชำระเงินภายในวันที่ 20 ของเดือนที่ได้รับบิลมา ท่านก็จะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยถึง 45 วัน หรืออีกความหมายหนึ่ง ท่านสามารถมาซื้อของได้ก่อนถึง 45 วัน ก่อนที่จะต้องชำระเงินจริงๆ โดยไม่ต้องไปหยิบยืมเงินใครให้เสียดอกเบี้ย เพราะบัตรเครดิตได้ให้เครดิตกับคุณแล้วนั่นเอง
ดูแล้วเหมือนจะดีหากคุณเป็นคนที่ชำระเงินตรงเวลา คุณสามารถซื้อของล่วงหน้าเป็นเดือน โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินสดในกระเป๋า แถมไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ใครและยังจะได้สะสมแต้มแลกของรางวัลอีกด้วย
แต่หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้จ่ายเงินเต็มจำนวนตามกำหนดแล้วละก็ หากไม่ระมัดระวังให้ดี ท่านอาจจะจ่ายดอกเบี้ยจำนวนมากโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิด หรือความเผลอเรอเอาก็ได้
สถานการณ์ที่ว่าก็ลองศึกษาตัวอย่างต่อไปนี้ โดยสมมุตระยะเวลาการตัดบิล และกำหนดการชำระเงินเหมือนตัวอย่างข้างบน สมมุตว่าท่านไปรูดซื้อสินค้าราคา 50,000 บาท ในวันที่ 6 มีนาคม
ต่อมาวันที่ 5 เมษายน มีบิลเรียกเก็บเงินมาจำนวน 50,000 บาท ซึ่งหากท่านไปจ่ายก่อนวันที่ 20 เมษายน ท่านก็จะไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
แต่หากท่านจ่ายหลังบิลมาทันที (วันที่ 6 เมษายน) จำนวน 49,900 บาท โดยยังคงค้างเงินที่จะจ่ายอยู่เพียง 100 บาทเท่านั้น ท่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเพียง 100 บาท นับตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน ถึง 5 พฤษภาคม ในรอบบิลหน้าคงจะเหลีอต้องจ่ายเพียง 100 กว่าบาท แสดงว่าท่านคิดผิดแล้วครับ
ในวันที่ 5 พฤษภาคม ท่านจะได้รับใบแจ้งหนี้ให้จ่ายเงินคงค้าง 100 บาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 835 บาท (คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ต่อปี) รวมแล้วเป็นเงิน 935 บาท
– โดยดอกเบี้ย 833.33 บาท มาจากเงินต้น 50,000 เป็นระยะเวลา 30 วัน (6 มีนาคม – 5 เมษายน)
– ดอกเบี้ยอีก 1.67 บาท มาจากเงินต้น 100 บาทเป็นระยะเวลาอีก 30 วัน ( 6 เมษายน – 5 พฤษภาคม)
เห็นไหมครับขาดจ่ายเพียง 100 บาท แทนที่จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอะไรเลย กลับต้องเสียดอกเบี้ยถึง 835 บาท ดังนั้นการชำระเงินบัตรเครดิตควรจะชำระให้ครบถ้วนหรือปัดขึ้นไปเลย อย่าให้ขาดแม้แต่สตางค์เดียว
เช่นบิลเรียกเกีบ 31,225.25 บาท ก็ควรจ่าย 31,226 บาทไปเลย อย่าจ่ายเพียง 31,225 บาท ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกคิดดอกเบี้ย 20% ต่อปี บนเงิน 31,225.25 เป็นเวลา 30 วันเชียวนะครับ
3815 total views, 1 today