ออมสินแบกหนี้เน่าเพียบเหตุ เศรษฐกิจซบเซา
ออมสินแบกหนี้เน่าเพียบเหตุ เศรษฐกิจซบเซา
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมานั้นมีหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.11 หมื่นล้านบาท โดยมียอด NPL คงค้างอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.21% เมื่อเทียบกับ ยอดสินเชื่อคงค้าง ถือได้ว่าเป็นยอดที่เพิ่มสูงขึ้นที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาของธนาคารออมสิน
ในขณะที่ยอดเงินฝากกลับหดตัวถึง 4.5 หมื่นล้านบาท โดยมียอดคงค้างที่ 2.03 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันเงินให้สินเชื่อหดตัวลง 1.76 หมื่นล้านบาท โดยมียอดคงค้างอยู่ที่ 1.90 ล้านล้านบาท ส่วนสินทรัพย์หดตัวกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน
สำหรับสาเหตุที่ตัวเลข NPL เพิ่มสูงขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกันเช่น ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เป็นต้น ทำให้ลูกค้าธนาคารมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง โดยเฉพาะลูกหนี้รายเก่าที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็ยังกลับมาเป็น NPL อีกครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ธนาคารจะเร่งเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ประกอบกับคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ธนาคารจึงคาดว่าจะพยายามปรับลด NPL ให้เหลือที่ระดับ 1.8% ของยอดสินเชื่อคงค้าง แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าปีก่อน ที่มียอดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.6% ของยอดสินเชื่อคงค้าง
ในประเด็นเรื่องเงินฝากที่หดตัวกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทนั้น เนื่องจากในช่วงผ่านมาธนาคารออมสินไม่ได้เร่งระดมเงินฝาก ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ ที่ลดลงกว่า 1.76 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีรัฐวิสาหกิจ ขนาดใหญ่ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ( ธอส.) ที่ได้คืนเงินกู้มาเป็นจำนวนรวมหลายหมื่นล้านบาท ทำให้ภาพรวมสินเชื่อดูลดลง
ส่วนเรื่องเงินฝากที่ไม่เร่งระดมในช่วงไตรมาสแรกเพราะเดิมที่คาดว่า ผลจากการลดการคุ้มครองเงินฝาก ในช่วงเดือนสิงหาคมจะทำให้เงินฝากไหลเข้าธนาคารมามากในช่วงดังกล่าว จึงได้ทยอยลดการระดมเงินฝากลงเพื่อเตรียมรับมือ แต่เมื่อทางรัฐบาลได้ปรับแผนลดการคุ้มครองออกไปทำให้ไม่เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ดังนั้นหลังจากนี้ธนาคารก็จะต้องเร่งระดมเงินตามเดิม
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินระบุว่าในปี 2559 ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ประมาณ 6-8% โดยหากไม่รวมสินเชื่อกลุ่มอาชีพ ก็คาดว่า จะเติบโต 6.6% ซึ่งน่าจะมีกำไรสุทธิได้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรก มีกำไรสุทธิประมาณ 1,600 ล้านบาท ลดลงจาก 1,391 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ 2,991 ล้านบาท โดยรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 14,925 ล้านบาท
1693 total views, 1 today