ลีสซิ่งกสิกรไทย ชี้สินเชื่อรถปีนี้หดตัวตามยอดขายรถที่ลดลง
ลีสซิ่งกสิกรไทย ชี้สินเชื่อรถปีนี้หดตัวตามยอดขายรถที่ลดลง
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ได้เปิดเผยว่า สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมา ทางบริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทั้งสิ้น 72,704 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 19.13% ซึ่งแบ่งเป็นสินเชื่อรายใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่ง 31,406 ล้านบาท ลดลง 7.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่สินเชื่อสำหรับผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 41,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าสำหรับปีนี้รักษาไม่ให้เกิน 1.91% จากสิ้นปีที่แล้วที่ NPL อยู่ที่ 1.5%
สำหรับในปี 2559 นี้ทางบริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อลูกค้าเช่าซื้อรายใหม่และลีสซิ่งไว้ที่ 73,744 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สิ้นปีบริษัทจะมียอดสินเชื่อคงค้าง 91,950 ล้านบาท เทียบจากปี 2558 สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 72,704 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 88,671 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้ากำไรสำหรับปี 2559 อยู่ที่ 728 ล้านบาท เทียบจากปี 2558 ทำได้ 655 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ตลาดรถยนต์ปี 2559 นั้นคาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังมีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงหดตัว 4-8% หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ735,000-765,000 คัน
ในประเด็นปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้คือ การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะเดินหน้ามากขึ้น โดยจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้บริโภค สำหรับภาคการท่องเที่ยวก็ยังมีแนวโน้มที่สดใส ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
นอกจากนี้แล้วรถจากโครงการรถคันแรก เริ่มปลดล็อกปีนี้เป็นปีแรก ทำให้ผู้ซื้อรถที่มีศักยภาพมีโอกาสเปลี่ยนรถคันใหม่ได้ และจะเป็นช่วงจังหวะการซื้อที่ดี จึงเชื่อว่าค่ายรถและลีสซิ่งต่างๆ จะเสนอโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อมากขึ้น
อีกทั้งยังคาดว่าตลาดรถมือสองปีนี้ มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังรถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่มีการปรับขึ้นตามอัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ส่วนตลาดรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ ปีนี้มีโอกาสขยายตัวต่อได้ในระดับตัวเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งมียอดจดทะเบียน 55,658 คัน ขยายตัวกว่า 14% เมื่อเทียบกับปี 2557
นายทวียังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า หนี้ครัวเรือนในช่วงหลายปีก่อนนั้นสินเชื่อเช่าซื้อรถเคยมีบทบาทค่อนข้างมากในตัวเลขเหล่านั้น แต่ปีนี้จะเห็นการเติบโตจำกัดเพราะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะพักฐาน ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ที่หดตัวลง
ทั้งนี้แม้ว่าสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีจะมีแนวโน้มขยับขึ้น แต่การเติบโตของหนี้ครัวเรือนได้มีแนวโน้มชะลอความร้อนแรงลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต จากหลายปัจจัยกดดันจากทั้งอุปสงค์ และอุปทาน ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้สะสมซึ่งอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นในการก่อหนี้ใหม่ของภาคครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีหนี้สะสมไม่สูงนัก ยังผูกโยงกับความต่อเนื่องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถาบันการเงินคงใช้นโยบายเครดิตที่ระมัดระวังต่อเนื่องจากปีก่อนๆ
ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า
1746 total views, 1 today