บัตรเครดิต บัตรเงินสด บัตรผ่อนสินค้า คืออะไรต่างกันอย่างไร
บัตรเครดิต บัตรเงินสด บัตรผ่อนสินค้า คืออะไรต่างกันอย่างไร
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มวันทำงานแล้วละก็ พอเริ่มมีเงินเดือนมีรายได้ ก็จะเริ่มมีคนมาเสนอให้ทำบัตรต่างๆ เหล่านี้เพื่อความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย คำถามที่เกิดขึ้นคือเมื่อมีการนำเสนอหลากหลายวิธีในการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเหล่านี้ จะสมัครบัตรแบบไหนดี เพราะบางครั้งถึงกับมีบริษัทต่างๆ โทรมาชักชวนหรืออาจจะถึงขั้นมาตั้งบู๊ทล่าใบสมัครกันถึงหน้าที่ทำงานกันเลยทีเดียว
วันนี้ทาง Thaicash ก็จะขอนำเสนอความแตกต่างของบัตรต่างๆ ให้ได้รับทราบกันนะครับ เพื่อที่ว่าจะได้เลือกหาใช้บัตรที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา และด้วยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
บัตรเครดิต
บัตรเครดิตถือเป็นบัตรที่แพร่หลายกันทั่วโลกมาช้านาน ในอดีตจะมีแต่บัตรของธนาคารในไทย และใช้ใด้แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ปัจจุบันบัตรดังๆ ก็คงเป็น Visa Mastercard เป็นต้นซึ่งจะสามารถใช้ได้ทั่วประเทศ
บัตรเครดิต สื่อตรงๆว่าให้เครดิตกับคนถือบัตร นั่นก็คือเมื่อเรามีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้วละก็ ถ้าสมัครผ่านธนาคารก็จะให้วงเงินมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ซื้อของได้ก่อน นั่นก็หมายถึงเป็นการให้ยืมเงินไปก่อนนั่นเอง พอสิ้นเดือนก็จะส่งบิลล์มาเรียกเก็บเงินกับเรา เราก็จะมีวงเงินให้ไปใช้ได้อีก โดยจะมีระยะปลอดดอกเบี้ยให้ สำหรับคนที่ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา ส่วนคนที่ต้องการผ่อนก็สามารถชำระจำนวนขั้นต่ำได้ โดยดอกเบี้ยจะถูกกว่าบัตรผ่อนสินค้าทั่วไป ซึ่งดอกเบี้ยของบัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี
บัตรเดบิต
บัตรเดบิตจะมีโลโก้ของคำว่า VISA MASTERCARD ก็สามารถจะใช้ได้ทั่วโลกเช่นกัน แต่แตกต่างจากบัตรเครดิต ตรงที่ท่านจะต้องมีเงินในบัญชีของท่านมากกว่าหรือเท่ากับของที่จะซื้อ ส่วนมากเลยจะผูกกับบัญชีเงินฝากของเราเลย ลักษณะของบัตรแบบนี้จึงไม่ใช่การยืมเงิน จึงไม่มีการคิดดอกเบี้ยแต่ประการใด หากท่านไม่มีเงินในบัญขี ก็ไม่สามารถไปรูดอะไรที่ไหนได้
ข้อเสียของบัตรประเภทนี้คือ หากบัตรโดนขโมย ก็อาจจะมีผู้ไม่หวังดีเอาบัตรของท่านไปรูดใช้จ่ายเงินได้ เพราะร้านค้าในไทยไม่ค่อยได้ตรวจสอบลายเซ็นต์ด้านหลังบัตรอยู่แล้ว หากมีเงินเก็บไว้เยอะๆ ท่านก็อาจจะเสี่ยงสูญเงินได้ และจะติดตามได้ยากเพราะเป็นเงินในบัญชีของท่าน ธนาคารไม่ได้เดือดร้อนด้วย ต่างกับบัตรเครดิตที่ท่านสามารถปฏิเสธการจ่ายได้หากท่านไม่ได้ทำรายการเอง
บัตรกดเงินสด
เป็นบัตรที่ต้องสมัครขอวงเงินกับธนาคารก่อนเหมือนกับบัตรเครดิต แต่จะไม่มีโลโก้อะไรมากมายนอกจากโลโก้ของตัวบัตรเอง ดังนั้นการใช้งานท่านก็ต้องไปกดเงินสดออกมาซื้อของได้เลย จุดเด่นของบัตรเหล่านี้คือมีวงเงินเท่าไหร่ ก็ถอนเงินสดออกมาได้เท่านั้น แต่ปัญหาคือดอกเบี้ยจะสูงกว่าบัตรเครดิตเยอะ และจะไม่มีระยะปลอดดอกเบี้ยอีกด้วย โดยดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 28% ต่อปี บางบัตรจะบอกว่าดอกเบี้ย 12% แต่จะคิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอีก 13% ซึ่งรวมๆ ก็คือดอกเบี้ยนั่นเอง
หากเราใช้ไปบ่อยๆ และชำระเงินได้ตรงตามกำหนด เจ้าของบัตรกดเงินสดก็จะเพิ่มวงเงินให้เราโดยอัตโนมัติอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นการรักษาวินัยทางการเงินที่ดี จะทำให้เรามีวงเงินเพิ่มขึ้นได้
บัตรผ่อนสินค้า
บัตรประเภทนี้จะกำหนดให้ผ่อนสินค้าได้อย่างเดียว มักจะผูกอยู่กับร้านค้าที่ต้องการหาสินเชื่อให้ลูกค้าเพื่อซื้อสินค้าไปจากร้านด้วยวิธีเงินผ่อนโดยไม่ต้องตามทวงเอง บัตรแบบนี้จะไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ เหมาะกับคนมีรายได้ต่ำเช่นเงินเดือนซัก 6,000 บาท ก็สามารถผ่อนสินค้าได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นบัตรประเภทไหนก็ตาม ประเด็นสำคัญคือการผ่อนชำระตรงตามงวด เพื่อรักษาเครดิตของเราเอาไว้เผื่อต้องการทำธุรกรรมใหญ่ๆในอนาคต เช่นการซื้อรถ หรือบ้านเป็นต้น
3951 total views, 1 today