บริการเงินด่วนในอดีต เขาปล่อยกู้กันอย่างไร – ภาค 2
บริการเงินด่วนในอดีต เขาปล่อยกู้กันอย่างไร – ภาค 2
เป็นเรื่องราวต่อจาก การบริการเงินด่วนในอดีต ภาคที่แล้วนะครับ เรามาเล่ากันต่อเลย หลังจากที่นั่งรอการส่งแฟกซ์เอกสารไปยังที่ใดก็ไม่รู้ ต่อมาก็มีชายอีกคนเข้ามาในห้อง พอถามไปว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง เขาตอบกลับมาว่าผลคือไม่ผ่านการอนุมัติ
แต่ก็มีการเสนอว่ายังมีอีกบริษัทจะลองไหม แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไปหน้าร้าน ถึงตอนนี้คนที่เดือดร้อนต้องการเงินด่วนก็คงต้องตัดสินใจลุยต่ออยู่แล้วจนกว่าจะได้เงิน
เมื่อตอบตกลงไปและถามต่อว่าไปหน้าร้านที่ไหน เขาก็จะตอบว่าเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้ๆนี่แหละ เขามีร้านอยู่ในห้างด้วย และให้ไปติดต่อผู้ชายคนแรกที่เราติดต่อก่อนหน้านี้
พอมาถึงห้างก็ต้องโทรถามกันเป็นระยะๆ เพราะไม่ได้มีการบอกชื่อร้านหรืออะไรใดๆทั้งสิ้น ต้องนัดเจอกันกว่าจะเจอกันได้นี่อาจจะต้องโทรกันหลายรอบ ทั้งโทรทั้งรอ เพราะเขาน่าจะมีธุระเยอะหรือไม่ก็มีลูกค้าเยอะ
เมื่อเจอกันกับผู้ชายคนนี้ (คนแรกที่เจอกันที่ร้านข้างนอก) เขาก็จะทำทีบ่นเสียดายว่ากู้ไม่ผ่าน แล้วถามถึงบัตรผ่อนสินค้าต่างๆว่ามีไหม พอตอบว่ามีของเจ้าหนึ่งซึ่งขายสินค้าในห้างพอดี เขาก็อาสาพาไปร้านดังกล่าวทันที
พอไปถึงห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เขาก็จะพาไปยังชั้นที่มีการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าละลานตา ชายคนนี้ก็จะขอบัตรผ่อนสินค้าและบัตรประชาชนไป แล้วพาไปเลือกดูสินค้าตามตู้ ซึ่งก็จะชี้ชวนให้ซื้อสินค้าเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยม อย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป หรือเครื่อง GPS ติดรถยนต์เป็นต้น
พอตัดสินใจได้ว่าจะซื้อสินค้าตัวไหน ก็ยื่นบัตรผ่อนสินค้ากับบัตรประชาชนให้พนักงาน เนื่องจากสมัยนั้นบัตรกดเงินสดยังไม่เป็นที่แพร่หลาย จะมีแต่บริการบัตรผ่อนสินเค้าเท่านั้น พนักงานก็จะนำบัตรไปตรวจสอบวงเงินแล้วกลับมาพร้อมกับบอกยอดเงินคงเหลือว่ายอดเป็นเท่าไหร่
พอได้ยอดเงินชายคนดังกล่าวก็ชี้สินค้าไปอย่างหนึ่งซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แล้วเขาก็ชี้ให้เราไปเซ็นเอกสารต่างๆกับพนักงานทันที ในความคิดของเราคนถือบัตรก็คิดว่ามันคือการผ่อนสินค้าทั่วไป ชายคนนั้นเอาของไป เราก็จะได้เงินสดเหมือนกับขายสินค้าชิ้นในไป แล้วเราก็ผ่อนกับบัตรผ่อนสินค้าต่อไป
พอเซ็นเอกสารเสร็จชายคนนี้ก็จะหายหัวไป พอโทรตามเขาก็จะบอกรูปพรรณของคนที่จะต้องติดต่อหากดำเนินเรื่องเสร็จ ซึ่งพอทำเรื่องเสร็จก็พาซื่อไปติดต่อขอรับสินค้า พนักงานก็บอกว่าไม่ต้องรับสินค้า ให้นำใบเสร็จไปให้ชายคนที่พามา
จากนั้นก็เลยเดินใจตุ้มๆต่อมๆ ลงมาข้างล่างตามที่ชายคนนึงที่เจอในร้านพามาร้านด้านล่างของห้าง ก็เห็นผู้ชายที่เคยติดต่อครั้งแรกคุยอะไรกับใครอยู่สักพัก เหมือนไม่ค่อยพอใจกับตัวสินค้าเท่าไหร่ คงเหมือนว่ามูลค่าไม่สูงได้กำไรน้อยประมาณนั้น
ถึงจุดนี้ชายคนนี้ก็มาพร้อมเอกสารการผ่อน โดยแจ้งเราว่า สินค้าที่ซื้อมาราคา 10,000 บาทนั้น ให้ผ่อนเดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน แต่ในตารางผ่อนสินค้าของทางร้านเองนั้น หากสินค้าราคา 10,000 บาท จะต้องผ่อนเดือนละ 1,500 บาท ทำให้แต่ละเดือนมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 500 บาท เมื่อรวมระยะเวลาผ่อนทั้งหมด 12 เดือน ยอดเงินตรงนี้จะเป็น 6,000 บาท นั่นหมายถึงดอกเบี้ยนั่นเอง
เนื่องจากสินค้าที่ซื้อมามีมูลค่า 10,000 บาท เมื่อหักดอกเบี้ยเไป 6,000 บาท ก็จะเหลือเงินสดให้เพียง 4,000 บาทเท่านั้น โอ้วแม่เจ้าได้เงินสด 4,000 บาท แต่ต้องทนผ่อนไป 1 ปี ด้วยจำนวนเงินทั้งหมด 12,000 บาท ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกคงไม่มีใครหลวมตัวทำแบบนี้แน่
สมัยนั้นไม่มีเว็บให้ประกาศขายของทางเน็ต ดังนั้นเมื่อมีสินค้าอยู่ในมือ จะทำให้ปล่อยของออกไปยาก แถมยังร้อนเงินอีกด้วย เลยต้องตัดสินใจเอาก็เอา แต่ขอต่อรองว่าซัก 7 – 8 พันได้เป่า สุดท้ายก็จบลงที่ 7,000 บาท
พอถามว่าทำไมคิดดอกเบี้ยแพงจัง คนกลุ่มนี้บอกว่าต้องแบ่งกันหลายคน จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่าโดนสูบเงินกลับไปเยอะกับภาระที่เราต้องผ่อนอีก 1 ปี ส่วนคนพวกนี้ก็จะได้สินค้ากลับไป ซึ่งอาจจะเอาไปเวียนขาย ขายลดราคาไม่มีในเสร็จ หรือขายประกันร้านก็เป็นเพราะแบบนี้กระมัง
แต่สิ่งที่เห็นได้ก็คือ บริการเงินด่วนในสมัยก่อนก็ต้องอาศัยการผ่อนสินเค้าที่สามารถปล่อยขายได้โดยง่าย นั่นเพราะเหมือนหนึ่งว่า คนกลุ่มนี้รับซื้อสินเค้าในราคาต่ำแล้วนำไปหล่อยต่อเพื่อหากำไร โดยความเสี่ยงคือจะขายออกได้หรือไม่เท่านั้น ไม่ต้องไปทวงเงินลูกหนี้ ไม่ต้องไปตามยึดสินค้าให้ยุ่งยาก หากคนผ่อนสินค้าหยุดผ่อน คนที่เดือนร้อนคือบริษัทเจ้าของบัตรต่างหาก
ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดข้างต้นก็คือกระบวนการปล่อยเงินด่วนในอดีต ซึ่งแทบไม่ต่างกับการปล่อยเงินด่วนในปัจจุบันที่พัฒนามาเป็นสินค้าราคาแพง และสามารถปล่อยของออกได้ง่ายอย่าง Smartphone มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่รถยนต์นั่นเอง ซึ่งในวงการรถยนต์เขาเรียกว่าจำนำรถไม่มีเล่มนั่นเอง
ส่วนเงินด่วนในระบบถูกกฏหมาย ก็คือบริษัทเงินด่วนทั้งหลายที่รับจำนำรถมีทะเบียนปลอดภาระแล้วนั่นเอง
2513 total views, 1 today