ครม หนุน start up บสย ค้ำประกันสินเชื่อวงเงินหมื่นล้าน

ครม หนุน start up บสย ค้ำประกันสินเชื่อวงเงินหมื่นล้าน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ที่มีนวัตกรรม ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยผู้ประกอบการ SME ที่จะเข้าร่วมต้องมีทรัพย์สินถาวร ไม่รวมที่ดิน ไม่เกิน 200 ล้านบาท และต้องเป็นสินเชื่อใหม่ ไม่สามารถนำไป รีไฟแนนซ์หนี้เดิมได้ รวมถึงต้องไม่เป็น NPL อีก้วย
สำหรับผู้ประกอบการ SME รายใหม่ หรือ sart up ต้องมีอายุกิจการไม่เกิน 3 ปี และต้องผ่านการอบรม และพิจารณาจากการจดทะเบียนการค้า การจัดตั้ง หรือหนังสือราชการ อื่นๆ โดยในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับการค้ำประกันสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ส่วนกลุ่มที่มีนวัตกรรม ยีที่เป็นบุคคลธรรมดาก็จะได้รับการค้ำประกันไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อรายเช่นกัน
ในกรณีที่เป็นนิติบุคคลกลุ่ม start up จะได้รับการค้ำประกัน สินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท และกลุ่ม นวัตกรรมที่เป็นนิติบุคคล และที่ได้รับรองจากsน่วยงานของรัฐ เช่น สวทช. สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จะได้รับวงเงินค้ำประกันสูงสุด 20 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าวที่ผ่านการพิจารณา จะได้รับการค้ำประกันสินเชื่อเป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้สามารถมายื่นคำร้องขอได้นับตั้งแต่วันที่ มติ ครม.มีผล จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ในส่วนของค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจะอยู่ที่ 1 – 2% ต่อปี ของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ในช่วงปีแรก ทางรัฐบาลรับภาระค่าธรรมเนียมในส่วนนี้แทน โดย บสย. จะจ่ายค่าประกันชดเชยสูงสุดไม่เกินค่าธรรมเนียมที่ได้รับ บวกกับเงินสมทบที่ได้รับจากรัฐบาลในอัตรา 15% บวกกับเงินสมทบของ บสย.ในอัตรา 2% รวมเป็น 17% ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน โดย บสย.จะขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลเป็นวงเงินรวมประมาณ 1,700 ล้านบาท
การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าว คาดว่าจะทำช่วยกระตุ้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพีเพิ่มขึ้น 0.05% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือคิดเป็น 0.25% ตลวดรวมทั้ง 5 ปี และจะช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มต้น หรือ Start up ได้ราว 5,000 ราย เฉลี่ย รายละ 2 ล้านบาท ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านบาท
ข่าวจาก หนังสือพิมพ์แนวหน้า
1475 total views, 1 today